กิ๊ฟนั่งเล่นเวบพันทิพไป แล้วไปเจอกระทู้นี้เข้า
เป็นเรื่องราว case study หรือประสบการณ์เรื่องHIV
ซึ่งกิ๊ฟอ่านแล้วนั่งจิตตกไปหลายวัน
คือไม่ได้จิตตกที่ตัวเองจะติดนะ 5555+
แต่จิตตกที่ว่า ยาต้านไวรัสเอสด์อะทำให้ผู้ป่วยดูปกติ
จนทำให้เค้าไม่ระวังและไม่ป้องกันเพราะเค้าคิดว่าเค้าไม่เป็นอะไร
และไปแผร่เชื้อให้กับผู้อื่นต่อไป
และอีกประเภท คือคนทีรู้ว่าตนเองเป็นอะไร แต่ก็ไปมีอะไรกับคนอื่นโดยที่ตัวเองไม่ป้องกันคือไปหยิบยื่นความตายให้เค้า
จริงอยู่ที่เรื่องพวกนี้ต้องป้องกัน
แต่สุดท้าย ความไม่ประมาท และสติเท่านั้น
กิ๊ฟลองยกจ้อความบางข้อความจากกระทู้ มาให้อ่านนะคะรู้สึกหดหู่สุดๆๆอะคะ
เด็กหญิงอายุ15มารดามาแจ้งความ ว่าพ่อเลี้ยงกระทำชำเราลูกสาว
ระหว่างแพทย์ซักประวัติ ตรวจร่างกาย
เด็กบอกว่า ถูกพ่อเลี้ยงปลุกปล้ำ
แต่ในครั้งต่อๆมา ตัวเด็กยินยอมมีพสพ.โดยสมัครใจ
พยาบาลแผนกสังคมสงเคราะห์ซักประวัติมารดา ถึงสภาพแวดล้อม ความสัมพันธ์ในครอบครัว
ตัวคนเป็นแม่เล่าไปร้องไห้ไป ดูแล้วมีความคับข้องใจมาก
คุณพยาบาลเข้าใจว่า มารดาคงจะเสียใจ ที่ลูกยอมนอนกับพ่อเลี้ยง
แต่ในที่สุด แม่ของเด็กก็เล่าความจริงออกมาว่า
ตัวเธอตรวจพบว่าเป็นผู้ติดเชื้อมาหลายปีแล้ว
สามีคนเก่าก็เสียชีวิตจากการติดเชื้อไปหลายปี
จึงได้ย้ายที่อยู่ และในทีุ่สุดก็มาพบกับสามีคนปัจจุบัน
และอยู่กินกัน โดยสามีใหม่ไม่ทราบ เพราะเธอเองกินยาสม่ำเสมอ
สุขภาพแข็งแรงดีมาตลอด
แต่แล้ว เคราะห์กรรมก็มาตกกับลูกสาวอย่างคาดไม่ถึง!!
ระหว่างแพทย์ซักประวัติ ตรวจร่างกาย
เด็กบอกว่า ถูกพ่อเลี้ยงปลุกปล้ำ
แต่ในครั้งต่อๆมา ตัวเด็กยินยอมมีพสพ.โดยสมัครใจ
พยาบาลแผนกสังคมสงเคราะห์ซักประวัติมารดา ถึงสภาพแวดล้อม ความสัมพันธ์ในครอบครัว
ตัวคนเป็นแม่เล่าไปร้องไห้ไป ดูแล้วมีความคับข้องใจมาก
คุณพยาบาลเข้าใจว่า มารดาคงจะเสียใจ ที่ลูกยอมนอนกับพ่อเลี้ยง
แต่ในที่สุด แม่ของเด็กก็เล่าความจริงออกมาว่า
ตัวเธอตรวจพบว่าเป็นผู้ติดเชื้อมาหลายปีแล้ว
สามีคนเก่าก็เสียชีวิตจากการติดเชื้อไปหลายปี
จึงได้ย้ายที่อยู่ และในทีุ่สุดก็มาพบกับสามีคนปัจจุบัน
และอยู่กินกัน โดยสามีใหม่ไม่ทราบ เพราะเธอเองกินยาสม่ำเสมอ
สุขภาพแข็งแรงดีมาตลอด
แต่แล้ว เคราะห์กรรมก็มาตกกับลูกสาวอย่างคาดไม่ถึง!!
by : คุณฟ้าหมาดฝน
อ่านแล้วหดหู่มาก ในเรื่องๆเดียวที่ยกมาก็สะท้อนปัญหาสังคมได้หลายเรื่องทีเดียว เรื่องโรคภัยก็เรื่องนึง แต่ดูไม่สำคัญเลยเมื่อเทียบกับปัญหาความเลวร้ายของสังคม...ทุกอย่างก็มีสองด้านแหละนะ มียาก็ทำให้คนกลัวน้อยลง ขาดความระวังและประมาทมากขึ้น ในขณะที่ก็คงมีคนอีกจำนวนมากที่ได้ประโยชน์จากยานั้น
ตอบลบการรักษาสุขภาวะของคนเราจึงควรพัฒนาด้านจิตใจ จิตสำนึก รวมทั้งให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องไปพร้อมๆกับความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี...ก็เลยไม่รู้เหมือนกันว่าหลังจากที่มียานี้ใช้ สุดท้ายแล้วจำนวนผู้ติดเชื้อจะมากขึ้นหรือน้อยลงอย่างไร
พึงดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาท
อาม
น่าสังเวชใจค่ะ สิ่งที่คนในยุคปัจจุบันเริ่มจะไม่มีหรือหดหายไป คือ ความไม่รับผิดชอบต่อสังคม แล้วต่อไปเราจะพบว่าสิ่งรอบข้างเราล้วนแต่อันตราย
ตอบลบกลายเป็นเราต้องระมัดระวังทุกอย่างจนกลายเป็นจิตตก
อำพร
กรณีแบบนี้มีมากในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่หน้าตาปกติ แต่ภายในกลับซ่อนอะไรไว้มากมาย
ตอบลบ