วันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เรื่องเล่าจากหญิงชรา...

...วันแรกที่พวกเราเริ่มการเรียนในมหาวิทยาลัยนั้น อาจารย์ของเราได้เข้ามาแนะนำตัว และบอกให้พวกเราทำความรู้จักกับคนอื่นๆ
ที่เราไม่รู้จักมาก่อน ผมยืนขึ้นแล้วมองไปรอบๆ และมี มือๆ หนึ่ง เอื้อมมาจับบ่าของผม ผมหันไปพบกับหญิงชราร่างเล็ก ผิวหนังเหี่ยวย่น ที่ส่งรอยยิ้มอันเป็น ประกายมาให้ผม รอยยิ้มนั้นทำให้เธอดูสดใสอย่างยิ่ง หญิงชราคนนั้นกล่าวขึ้นว่า ...

“สวัสดี รูปหล่อ ฉันชื่อโรส อายุแปดสิบเจ็ดแล้ว มาให้ฉันกอดสักทีสิ”

ผมหัวเราะกับท่าทางของเธอ และตอบอย่างร่า เริงว่า

“แน่นอน ได้สิครับ ”

แล้วเธอก็กอดผมอย่างแรง ผมถามเธอว่า ...

“ทำไมคุณถึงมาเรียน มหาวิทยาลัย เอาตอนที่อายุน้อยและไร้เดียงสาอย่างนี้ละ.. ”

เธอตอบด้วยเสียงปนหัวเราะว่า “ฉัน มาหาสามีรวยๆ ที่ฉันจะได้แต่งงานด้วย แล้วมีลูกสักสองสามคน...”

ผมขัดจังหวะเธอ โดยถามว่า “ไม่เอาครับ.. ถามจริงๆ”

ผมสงสัยจริงๆ ว่า อะไรทำให้เธอมาเรียนที่นี่ตอนที่อายุขนาดนี้ และเธอ ตอบว่า " ฉันฝันมานานแล้ว ว่าฉันจะได้ปริญญา และตอนนี้ ฉันก็กำลังจะได้ปริญญาที่ฉันฝัน”

หลังเลิกเรียนวิชานั้น เราเดินไปที่อาคารสโมสรนักศึกษาด้วยกัน และนั่งกินชอคโกแลตปั่นด้วยกัน เรากลายเป็นเพื่อนกันในทันที ตลอดสามเดือนหลังจากนั้น เราจะออกจากชั้นเรียนพร้อมกัน และจะไปนั่งคุยกันไม่หยุด ผมนั้นประหลาดใจเสมอเมื่อได้ฟัง“ยานเวลา" ลำนี้ แบ่งปันความรู้ และประสบการณ์ของเธอให้กับผม

ตลอดปีนั้น โรสได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยของเรา และเธอนั้นจะเป็น เพื่อนได้กับทุกคนในทุกที่ที่เธอไป เธอรักที่จะแต่งตัวดีๆ และดื่มด่ำอยู่กับความสนใจ ที่นักศึกษาคนอื่นๆ มีให้กับเธอ เธอได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ เมื่อถึงตอนสิ้นสุดภาคการศึกษา เราได้เชิญโรสให้มาพูดที่งานเลี้ยงของทีมฟุตบอลของเรา ผมไม่เคยลืมเลยว่า เธอได้สอนอะไรให้กับเรา ... พิธีกรแนะนำตัวเธอ และเธอก็เดินขึ้นมาที่แท่น ตอนที่เธอกำลังเตรียมตัวที่จะพูดตามที่เธอตั้งใจนั้น เธอทำการ์ดที่บันทึกเรื่อง ที่เธอจะพูดตกพื้น เธอทั้งอาย ทั้งประหม่า แต่เธอโน้มตัวเข้าหาไมโครโฟนแล้วบอกว่า

“ขอโทษด้วย นะ ที่ฉันซุ่มซ่าม ฉันเลิกกินเบียร์มาตั้งนานแล้ว แต่วิสกี้พวกนี้มันแรงจริงๆ... ฉันคงจะเอาบทของฉันมาเรียงใหม่ไม่ทันแล้วงั้นฉันก็คงได้แค่บอกเรื่องที่ฉันรู้ให้กับพวกคุณก็แล้วกัน”

พวกเราทุกคนหัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง ตอนที่เธอเริ่มต้นว่า
“พวกเราทุกคนนั้น ไม่ได้หยุดเล่นเพราะเราแก่หรอก แต่เราแก่เพราะว่าเราหยุดเล่น ที่จริงแล้วมีเคล็ดลับสู่การที่จะยังหนุ่มสาวอยู่เสมอมีความสุข และประสบความสำเร็จอยู่ 4 ประการ

1) พวกคุณจะต้องหัวเราะ และมีเรื่องสนุกๆ ขำขันทุกวัน

2) พวกคุณจะต้องมีความฝัน เมื่อไรก็ตามที่คุณสูญเสีย ความฝันของคุณไป คุณจะตาย มีคนมากมายที่ยังเดินไป เดินมาอยู่ทั้งๆ ที่ตายไปแล้วและไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตายไปแล้ว..

3) การที่คุณ “แก่ขึ้น” กับ “เติบโตขึ้น” นั้นมันต่างกันมาก ถ้าคุณอายุสิบเก้า แล้วนอนอยู่บนเตียงเฉยๆ ปีหนึ่ง และไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย ตลอดทั้งปี คุณก็จะอายุยี่สิบ ถ้าฉันอายุแปดสิบเจ็ดแล้วนอนเฉยๆ ไม่ทำอะไรเลยตลอดทั้งปี ฉันก็จะอายุ แปดสิบแปด ทุกๆ คนนั้นจะแก่ขึ้น ทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องอาศัยความสามารถอะไรเลย ประเด็นของการ เติบโตขึ้น นั้นอยู่ที่การแสวงหาโอกาสในการ
เปลี่ยนแปลง

4) อย่าทิ้งอะไรไว้ให้เสียใจภายหลัง คนสูงอายุส่วนใหญ่นั้น ไม่เสียใจกับสิ่งที่ได้ทำลงไปแล้ว แต่มักจะเสียใจกับสิ่งที่ยังไม่ได้ทำ คนที่กลัวความตายนั้น มีแต่คนที่ยังมีสิ่งทีต้องเสียใจค้างอยู่ "

เธอจบการพูดของ เธอด้วยการร้องเพลง “The Rose” อย่างกล้าหาญ และเธอได้แนะให้พวกเราทุกคนศึกษาเนื้อร้องของเพลงนั้นและเอาความหมายเหล่านั้นมา ใช้กับชีวิตประจำวันของพวกเรา เมื่อสิ้นปีการศึกษานั้น โรสได้รับปริญญาที่เธอได้เริ่มฝันไว้เมื่อนานมาแล้ว หนึ่งสัปดาห์หลังจบการศึกษา โรสจากไปอย่างสงบ เธอนอนหลับไปและไม่ตื่นขึ้นอีกเลย ...นักศึกษากว่าสองพันคนไปร่วมพิธีศพของเธอ เพื่อแสดงความเคารพ ต่อหญิงชราผู้วิเศษ ผู้ได้สอนให้พวกเขาได้รู้ ด้วยการทำให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า.......ไม่มีคำว่าสายเกินไป ที่จะเป็นทุกสิ่งที่คุณสามารถเป็นได้

เรื่องราวเหล่านี้ส่งต่อกันมาเพื่อระลึกถึงหญิงชราที่ชื่อ โรส ...จงจำไว้ว่า

"การแก่ขึ้นนั้น เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การเติบโตขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่เราเลือกได้ เราอยู่ได้ด้วยสิ่งที่เราได้รับ แต่เราจะมีชีวิตอยู่เพราะสิ่งที่เราให้ไป"

อาม ธีรินทรา

2 ความคิดเห็น:

  1. แก่ขึ้นหรือเติบโตขึ้น...อยู่ที่เรา^^"

    ตอบลบ
  2. ูรู้สึกประทับใจอะคะ รู้สึกยิ้มอย่างบอกไม่ถูกเลยอะคะ

    หนูไปคิดถึงคำที่ว่า แก่กะโหลกกะลา [ใช่แบบนี้ปะคะ]
    คือแก่ประสบการณ์หรือแก่เพราะตัวเลขอะคะ
    ถ้าแก่เพราะประสมการณ์เหมือนตัวเองมีคุณค่าเนอะ
    แต่ถ้าแก่เพราะตัวเลขนี่เหมือนใช้เวลาหายใจไปวันๆๆเลยนะคะ

    ตอบลบ