






ชอบเรื่องนี้มากๆ...ความเป็นจริงในสังคม
คนเราชอบวิพากย์วิจารณ์ผู้อื่น ทั้งๆที่บางทีก็ไม่ได้รู้จักตัวตนหรือทราบเหตุผลของคนที่พวกเค้ากล่าวถึง ว่ากันไป นินทากันไปต่างๆนานา ถ้าคนที่รับฟังมีวิจารณญานก็ดีไป แต่ถ้าไม่..ก็นินทากันไปไม่สิ้นสุด ทั้งๆที่ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรต่อใครขึ้นมา มีแต่จะทำให้คนหลายคนต้องเสียความรู้สึกกันไป..เพียงเพราะความสนุกปาก คงจะดีไม่น้อยหากเราจะลด ละ เลิก การนินทาว่าร้ายผู้อื่นลง และหันมาพูดถึงแต่สิ่งที่ดีๆ โลกคงน่าอยู่ขึ้นเยอะเลย
บทความนี้คงเป็นบทความส่งท้ายปลายปี 2553 เลยอยากให้ทุกคน "ลบ" สิ่งต่างๆที่ไม่ดีในตัวเองออกไป ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึก ความทรงจำ รวมทั้งพฤติกรรม ทัศนคติและนิสัยที่อยากเปลี่ยนแปลง เป็นโอกาสดีอีกครั้งที่จะเริ่มต้นรับสิ่งที่ดี
"ลบ" เพื่อเปิดที่ว่างให้เรื่องดีๆ คนดีๆ และความคิดดีๆเข้ามากันเถอะ ^______^"
สวัสดีปีใหม่ทุกๆคน
อาม
รู้สึกโดน ตรงประโยคที่บอกว่า
ตอบลบ"..... หากคนเหล่้านั้นคิดว่าเรื่องราวของเรายังไม่สนุกเท่าไหร่ ก็มีการดัดแปลง...."
บางคนรับฟังสารข้างเดียวโดยไม่ใช้สติหรือสมองไตร่ตรองก่อน
แล้วก็แปลกที่บางคนนินทาคนอื่นได้อย่าสนุกปาก
,,,,,,,,, นึกถึงกาลามสูตร ขึ้นมาเลยเอาฝากให้อ่านกันนะคะ
กาลามสูตรกังขานิยฐาน 10 หมายถึง วิธีปฎิบัติในเรื่องที่ควรสงสัย หรือหลักความเชื่อ ที่ตรัสไว้ในกาลามสูตร
1.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา (มา อนุสฺสเวน)
2.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสีบๆกันมา (มา ปรมฺปราย)
3.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ (มา อิติกิราย)
4.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์ (มา ปิฏกสมฺปทาเนน)
5.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก (มา ตกฺกเหตุ)
6.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน (มา นยเหตุ)
7.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล (มา อาการปริวิตกฺเกน)
8.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว (มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา)
9.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ (มา ภพฺพรูปตาย)
10.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา (มา สมโณ โน ครูติ)
ต่อเมื่อใด รู้เข้าใจด้วยตนว่า ธรรมเหล่านั้น เป็นอกุศล เป็นกุศล มีโทษ ไม่มีโทษ เป็นต้นแล้ว จึงควรละหรือถือปฏิบัติตามนั้น
สูตรนี้ในบาลีเรียกว่า เกสปุตติสูตร ที่ชื่อกาลามสูตร เพราะทรงแสดงแก่ชนเผ่ากาละมะ แห่งวรรณะกษัตริย์ ที่ชื่อเกสปุตติยสูตร เพราะพวกกาละมะนั้นเป็นชาวเกสปุตตะนิคม ในแคว้นโกศล ไม่ให้เชื่องมงายไร้เหตุผลตามหลัก 10 ข้อ
รู้สึกโดนใจมากเลยคะ
ตอบลบเพราะต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ คนเราถ้าคุยถึงเรื่องความดีคนมันไม่ดัง ไม่ค่อยมีประเด็น
แต่พอเป็นเรื่องราวไม่ดีเรื่องราวฉาวๆๆนี่คนกลับยิ่งพูดกัน
แถมพูดไปก็ต่อไปดัดแปลงไปให้แรงขึ้นๆๆ
สังเกตุได้จากหนังสือพิมพ์ในบ้านเรา ข่าวดีๆๆมันไม่ค่อยมีขึ้นหน้าหนึ่ง
แต่ข่าวฉาวๆๆนี่ขึ้นหน้าหนึ่งทุกวัน
อ่ายจบแล้วรู้สึกว่าก่อนจะพูดจะฟังอะคิดตามเชื่อตาม ตัวเรามีสติกับเหตุผลมากพอรึยังเราเองตัดสินคนจากภายนอกรึป่าว????
เพราะบางทีภาพลักษณ์ภายนอกนั้นก้ไม่สามารถบ่งบอกลักษณะภานในของคนนั้นๆได้เหมือนกัน